โลกทัศน์ คือ ระบบความเชื่อของมนุษย์ที่มีการจินตนาการขึ้นมาเองของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะมีวิธีคิดหรือความเชื่อที่แตกต่างกันไปของการมองสิ่งต่างๆ
โดยทำให้สามารถคิดออกนอกกรอบแนวความคิดจากเดิมและทัศนคติที่มีต่อโลกและจักรวาล ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้คนมีโลกทัศน์ที่ต่างกัน เพราะเกิดมาจากสิ่งแวดล้อมทางสังคมและประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป
โลกทัศน์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ด้าน
1. ด้านปัจเจกชน = เน้นประโยชน์ส่วนตน
2. ด้านส่วนรวม = เน้นการช่วยเหลือกัน, มีจุดยืนทางสังคมร่วมกัน
การนำโลกทัศน์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
การนำโลกทัศน์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโลกทัศน์ มี 2 แบบ
1.แบบภายนอก
1.1. ปรโตโฆสะ คือ เสียงจากบุคคลอื่นหรือเสียงที่ชักจูงจากภายนอก, สื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ 1.2. กัลยาณมิตร คือ คนดีมีคุณธรรม มีปัญญา สามารถสอนผู้อื่นให้เป็นคนดีดูเป็นคนที่น่า เลื่อมใส หรือเป็นผู้ชี้ทางในทางที่ดีให้กับคน
*สมบัติภายนอก : 1.รู้จักเหตุ 2.รู้จักผล 3.คนรู้จักตน 4.คนรู้จักประมาณ 5.คนรู้จักกาลเวลา 6.คนรู้จักชุมชน 7.คนรู้จักบุคคล
*สมบัติภายใน : 1.ที่รัก 2.ที่เคารพ 3.ผู้รู้จักพูด 4.ที่ยกย่อง 5.ผู้อดทนต่อถ้อยคำ
6.พูดคำลึกซึ้ง 7.ไม่ชักนำในทางที่ไม่ดี
2.แบบภายใน
"การคิดมีความสำคัญต่อชีวิตเป็นอย่างมากเราคิดอย่างไรตัวตนที่แท้จริงของเราเป็นอย่าง นั้น" การคิดที่จะก่อให้เกิดโลกทัศน์ที่ดี คือ "การคิดบวก"
*การคิดบวก คือ มีหลักการและรอบคอบ, สร้างทัศนคติที่ดี, เกิดผลประโยชน์ที่ดีที่สุด หรือ นำไปพัฒนาชีวิต
การคิดบวกแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ
1. มองชีวิตแบบเรียนรู้และพัฒนา
2.ไม่ยึดติดในค่าของชีวิต
วิธีคิดบวก 4 วิธี ดังนี้
1.มองรอบด้านอย่างสร้างสรรค์
2.แปรความหมายเชิงลบเป็นเชิงบวก
3.สร้างพลังให้เกิดขึ้นในใจจากคำพูดเชิงลบ
4.เอาวิกฤตมาเป็นโอกาส
เราเรียนวิชาโลกทัศน์ไปทำไม ?
เราเรียนวิชาโลกทัศน์ไปทำไม ?
สรุป โลกทัศน์เปรียบเสมือนความเชื่อของแต่ละบุคคลที่มีวิจารณญาณแตกต่างกัน ซึ่งบางคนอาจจะมีความคิดหรือการนับถือวัตถุมงคลที่แตกต่างกันไปของแต่ละศาสนา เช่น ถ้าใน
ศาสนาพุทธก็จะเป็นพวกกุมารทอง, เจ้าที่เจ้าทาง, เจ้าบ้านเจ้าเรือน ศาสนาคริสต์ก็จะนับถือพระเยซูเป็นหลัก หรือ ศาสนาอิสลามก็จะนับถืออัลอฮฺ ซึ่งทำให้บุคคลมีจุดยืนที่จะคิด หรือ การกระทำที่ต่างกันไป เราจึงต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้มั่นคงกันไปแต่ละศาสนาและแต่ละบุคคลไป ที่จะทำให้คนเหล่านี้รู้สึกปลอดภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น